1. เปิดแอร์เฉพาะเวลาจำเป็น
การเปิดแอร์เท่าที่จำเป็นถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดค่าไฟ บางครั้งอากาศไม่ได้ร้อนเปิดพัดลมก็พอแล้ว แต่หลายคนเปิดแอร์ด้วยความเคยชิน ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูง ดังนั้นเลือกเปิดแอร์แค่ช่วงเวลาที่ร้อนจัดหรือเฉพาะเวลาที่จำเป็น เพียงเท่านี้ก็ช่วยคุณประหยัดค่าไฟได้มากแล้ว
2. เปิดประตู/หน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
ก่อนเปิดแอร์ประมาณ 10-15 นาที คุณอาจเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อเป็นการระบายความร้อนสะสมภายในห้องออกไปบ้าง ไม่ให้แอร์ทำงานหนักจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิร้อนจัด วิธีนี้จะช่วยให้แอร์ทำงานไม่หนักและช่วยประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น
3. ไม่จำเป็นต้องเปิด 25 องศาเสมอไป
หลายคนเข้าใจผิดว่าการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้น แต่ในความจริงแล้วที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสนั้น เป็นเพียงอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกสบายเท่านั้น ดังนั้นหากคุณรู้สึกว่าเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26 – 28 องศาเซลเซียสก็สบายตัวแล้วก็ควรทำเพราะจะช่วยประหยัดค่าไฟลงได้
4. เปิดแอร์พร้อมเปิดพัดลม
คุณอาจเลือกเปิดแอร์ที่อุณหภูมิสูงหน่อยราว 27 องศาเซลเซียส ไปพร้อม ๆ กับการเปิดพัดลมร่วมด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คุณเย็นฉ่ำมากขึ้น แถมยังช่วยประหยัดไฟมากกว่าการเปิดแอร์ 25 องศาเซลเซียสอีกด้วย
5. งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนขณะเปิดแอร์
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เช่น เตารีด กาน้ำร้อน ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า ไดร์เป่าผม ฯลฯ จะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าวมีส่วนทำให้อุณหภูมิห้องสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟพุ่งสูง
6. หลีกเลี่ยงการเปิดเข้าออกบ่อย ๆ
อีกเหตุผลที่ทำให้แอร์ทำงานหนักก็คือ การเปิดเข้าเปิดออกห้องอยู่ตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในห้องไม่คงที่ ส่งผลให้แอร์ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
7. ต้องแน่ใจว่าปิดประตูหน้าต่างสนิทแล้ว
เครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักมากหากคุณหลงลืมเปิดหน้าต่างหรือประตูทิ้งไว้โดยไม่รู้ตัว หรือหลายกรณีพบว่าห้องมีรูโหว่หรือช่องลมที่ไอเย็นสามารถเล็ดลอดออกไปได้ ซึ่งจะทำให้แอร์ทำงานหนักตลอดเวลาส่งผลต่อค่าไฟที่แพงขึ้นตามมา
8. ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ
ควรเรียกช่างมาล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยไม่ควรเกิน 6 เดือน เพื่อป้องกันการอุดตันทำให้แอร์ทำงานหนักจนกินไฟเพิ่มขึ้น แถมยังช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย
9. เลือก BTU แอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง
การเลือก BTU แอร์ที่เหมาะกับขนาดห้อง มีผลทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว การเลือกใช้แอร์ที่มี BTU ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้อง เช่น ใช้แอร์ BTU ต่ำ ติดตั้งในห้องขนาดใหญ่จะทำให้แอร์ทำงานหนัก นอกจากทำความเย็นได้ไม่ดีแล้ว ยังเปลืองพลังงาน แถมแอร์มีโอกาสเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย