การที่เครื่องซักผ้าไม่หมุนหรือไม่ปั่นแห้งเกิดได้ทั้งกับเครื่องซักผ้าฝาบนและเครื่องซักผ้าฝาหน้าไม่ปั่นแห้ง โดยข้อสังเกตง่าย ๆ ว่าเครื่องซักผ้าที่บ้านกำลังมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ คือผ้าที่ซักเสร็จแล้วยังเปียกชุ่มฉ่ำหรือไม่เปียกหมาด ๆ แบบเมื่อก่อน ตัวอย่าง ตั้งโปรแกรมซักผ้าอัตโนมัติ (ซัก + ปั่นแห้ง) ใช้เวลา 60 นาที ก่อนหน้านี้ได้ทั้งซักและปั่นผ้าที่ผ่านการปั่นหมาดเรียบร้อย แต่ในตอนนี้แม้เวลาผ่านไปจนครบ 60 นาที แต่ผ้าในถังยังเปียกชุ่มเหมือนไม่เคยผ่านการปั่นแห้งมาก่อน โดย สาเหตุที่ทำให้ถังปั่นแห้งไม่หมุนมีหลายสาเหตุ ได้แก่ มอเตอร์เสียหาย การติดตั้งสายน้ำทิ้งผิดวิธี สายน้ำทิ้งอุดตัน และการไม่ทำความสะอาดถังซักผ้า หากเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวกับมอเตอร์โดยตรง ระบบระบายน้ำชำรุด หรือการติดตั้งสายน้ำทิ้งผิดวิธี แนะนำให้ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเช็กอาการและแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว แต่หากปัญหาเกิดจากการใช้งานผิดวิธีสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ ดังนี้
1. เช็กท่อระบายน้ำทิ้งว่ามีอะไรอุดตันหรือไม่ เพราะบางครั้งเครื่องซักผ้าที่ใช้งานไปนาน ๆ อาจมีเศษเส้นด้าย เส้นผม ผงซักฟอก หรือแม้แต่เหรียญเข้าไปอุดตัน จนทำให้ท่อไม่สามารถระบายน้ำทิ้งได้ตามปกติและส่งผลให้เครื่องไม่ปั่นหมาด ดังนั้นหากมีอะไรอุดตันที่ท่อเพียงแค่ทำความสะอาดก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ
2. ปิดประตูเครื่องซักผ้าให้สนิท เพราะหากประตูยังเปิดอยู่เครื่องซักผ้าบางรุ่นจะไม่เริ่มทำงาน ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจก่อนเริ่มซักผ้าทุกครั้ง
3. หลีกเลี่ยงการใส่ผ้าในถังมากเกินไป แยกเสื้อผ้าบางส่วนออก หรือแบ่งซัก 2 – 3 รอบ เพื่อให้เครื่องซักผ้าปั่นซักและปั่นหมาดได้เต็มประสิทธิภาพ
4. หลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอกมากเกินไป เพราะผงซักฟอกภายในเครื่องส่งผลทำให้เครื่องซักผ้าหยุดปั่นแห้ง แต่พยายามดูดซับฟองที่มีอยู่ในถังแทน และเป็นเหตุผลให้ผ้าในถังไม่แห้งอย่างที่ควร
5. เช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าก่อนนำไปปั่น เช่น รูดปิดซิปกางเกง นำเสื้อชั้นในใส่ถุงซัก และนำเหรียญออกจากเสื้อผ้าก่อนเริ่มซัก เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกจากเสื้อผ้าจนไปอุดตันท่อระบายน้ำทิ้ง
6. หมั่นทำความสะอาดถังซักผ้าเป็นประจำ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการซักและป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรกอุดตันจนทำให้ผ้าในถังซักไม่สะอาดและไม่แห้ง